วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

ประวัติความเป็นมาของประเทศเวียดนาม

ประเทศเวียดนาม 

       เวียดนาม (เวียดนาม: Việt Nam [viət˨ nam˧] เหฺวียดนาม) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เวียดนาม: Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam, ก่ง ฮหว่า สา โห่ย จู๋ เหงีย เหวียต นาม) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีน มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ทางทิศเหนือ ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก และอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ ทางทิศตะวันออกและใต้ หรือในภาษาเวียดนามเรียกเฉพาะทะเลทางทิศตะวันออกว่า ทะเลตะวันออก (เวียดนาม: Biển Đông, เบี๋ยน ดง) เวียดนามมีประชากรมากกว่า 89 ล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 13 ของโลก
      

สมัยก่อนประวัติศาสตร์

ดูบทความหลักที่: วัฒนธรรมดงเซิน
 
 
กลองมโหระทึกสำริด
เป็นอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ในเวียดนามมีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะอารยธรรมยุคหินใหม่ ที่มีหลักฐานคือกลองมโหระทึกสำริด และชุมชนโบราณที่ดงเซิน เขตเมืองแทงหวา ทางใต้ของปากแม่น้ำแดง สันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของชาวเวียดนามโบราณผสมผสานระหว่างชนเผ่ามองโกลอยด์เหนือจากจีนและใต้ ซึ่งเป็นชาวทะเล ดำรงชีพด้วยการปลูกข้าวแบบนาดำและจับปลา และอยู่กันเป็นเผ่า บันทึกประวัติศาสตร์ยุคหลังของเวียดนามเรียกยุคนี้ว่าอาณาจักรวันลาง มีผู้นำปกครองสืบต่อกันหลายร้อยปีเรียกว่า กษัตริย์หุ่ง แต่ถือเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์

ธงประจำชาติและตราแผ่นดินของเวียดนาม

ธงประจำชาติเวียดนาม


                                                                                                                          
ธงชาติเวียดนาม พื้นธงเป็นสีแดงล้วน ตรงกึ่งกลางมีรูปดาว 5 แฉก สีเหลืองทอง เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่าหมายถึงชนชั้นต่าง ๆ ในสังคมเวียดนาม คือ นักปราชญ์ ชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า และทหาร ส่วนสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้
            สีแดง หมายถึง การต่อสู้เพื่อกู้เอกราชของชาวเวียดนาม
            สีเหลือง หมายถึง ชาวเวียดนาม
          อย่างไรก็ตาม ภายหลังการรวมชาติเวียดนามในปี พ.ศ. 2519 ความหมายในธงได้มีการอธิบายใหม่ในทางการเมืองว่า
            สีแดง หมายถึง การปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมาชีพ
            ดาวสีทอง หมายถึง การชี้นำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม

ตราแผ่นดิน

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตราแผ่นดินประเทศเวียดนาม 

         ตราแผ่นดินของเวียดนาม เวียดนาม: QUỐC HUY NƯỚC CỘNG HOÀ XÃ HỘI CHỦ NGHĨA VIỆT NAM มีรูปแบบเช่นเดียวกับประเทศคอมมิวนิสต์อื่นๆ มีรูปดาวสีเหลืองบนพื้นสีแดง มีรูปเฟืองและรวงข้าวหมายถึงความร่วมมือกันระหว่างแรงงานภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมตามแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์ มีลักษณะคล้ายตราแผ่นดินของเยอรมันตะวันออกและตราแผ่นดินของจีน ซึ่งถูกนำมาสร้างเป็นตราแผ่นดินของเวียดนามเหนือเมื่อ 30 พฤศจิกายน  พ.ศ. 2498 เมื่อรวมชาติกับเวียดนามใต้แล้ว จึงนำมาใช้เป็นตราแผ่นดินเวียดนามเมื่อ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2519


ดอกไม้ประจำชาติและการละเล่นของชาวเวียดนาม


                  ดอกบัวคือดอกไม้ประจำชาติเวียดนาม                                    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง 

ลักษณะทั่วไป  บัว เป็นพรรณไม้น้ำประเภทพืชล้มลุก มีลำต้นและหัวอยู่ในดินใต้น้ำ

ใบ     การเจริญชูก้านใบและดอกขึ้นมาบนผิวน้ำ ใบมีลักษณะกลมกว้างใหญ่

         ผิวใบเรียบ มีสีเขียวหรือน้ำตาลอ่อน

ดอก  ดอกเป็นกลีบซ้อนกันหลายขั้น ลักษณะดอกคล้ายรูปกรวย เวลาบานคล้ายกับร่ม 

         ดอกมีสีขาว ชมพู เหลือง

 ผล  ผลคือส่วนที่อยู่ตรงกลางดอก ซึ่งมีเมล็ดประกอบอยู่ภายในจำนวนมาก 

        ลักษณะ ขนาดสีสรร ของใบและดอกขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์     

 ด้านภูมิทัศน์     พบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำของประเทศเวียดนาม

 

การละเล่นของชาวเวียดนาม

ดึงกัน (Choi Keo Nhau) เวียดนาม

ดึงกัน (Choi Keo Nhau)
play3
ถานที่เล่น
บริเวณลานกว้างทั่วไป   เช่น  สนามหญ้าหรือสนามกีฬา
ผู้เล่น
เล่นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง   จำนวน  8  คนขึ้นไป
อุปกรณ์
ไม่มี
วิธีเล่น
          แบ่งผู้เล่นออกเป็นสองฝ่ายเท่าๆ  กัน
          ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเข้าประจำที่ของตนโดยยืนเรียงแถวกัน   (หันหน้าเข้าหาฝ่ายตรงข้าม)   และต้องกอดเอวของคนข้างหน้าต่อกันไปเรื่อยๆ
          ผู้เล่นคนที่  1  ของแต่ละฝ่ายคล้องมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน   และประสานมือของตนไว้ให้แน่น
          เริ่มเล่นดึงกันโดยผู้เล่นทั้งสองฝ่ายออกแรงดึงเอวฝ่ายตนให้มากที่สุด   เพื่อให้มือของฝ่ายตรงข้ามหลุดออกจากกันให้ได้   ฝ่ายใดมือหลุดออกจากกันก่อน   ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้แพ้

 

 

ประเพณีและวัฒนธรรมของชาวเวียดนาม


วัฒนธรรมประเทศเวียดนาม

ประเทศเวียดนาม  มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีนและมีพรมแดนติดต่อกับประเทศจีน…
ประเพณี เวียดนาม  ในที่นี้นะคะ เราจะยกตัวอย่างประเพณีที่สำคัญๆและเป็นที่รู้จักกันมาก

          ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประเพณีชนควายของชาวเวียดนาม

       ประเพณีชนควาย ของชาวเวียดนาม ซึ่งว่ากันว่ามีความเก่าแก่ มีตำนานเล่าขานกันมาหลายร้อยปี แต่เพิ่งรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ และกำลังเป็นที่นิยมกันมากในเวียดนาม
ควายที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงนัดสุดท้าย จำนวน 16 ตัว ไม่ว่าชนะหรือแพ้ จะมีชะตากรรมเดียวกัน นั่นคือ ถูกจับไปช้อตไฟฟ้า และชำแหละเนื้อขาย โดยผู้ชนะ จะขายได้ในราคาต่อกิโลมากที่สุดค่ะ แล้วก็ลดหลั่นลงมา

vietnam_culture 

เทศกาลเต็ด  หมายถึง เทศกาลรุ่งอรุณแรกของปี  เป็นเทศกาลทางศาสนาที่สำคัญที่สุด โดยจะเริ่มต้นขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนจะถึงวันขึ้นปีใหม่เป็นการเฉลิมฉลองความเชื่อในเทพเจ้า ลัทธิเต๋า ขงจื๊อ และศาสนาพุทธ รวมทั้งเป็น การแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษด้วย

การทักทายของประเทศเวียดนาม
ประเทศเวียดนามจะทักทายด้วยการจับมือค่ะ พร้อมพูดคำว่า ซินจ่าว ซึ่งหมายถึงสวัสดี ของประเทศไทย

การแต่งกาย ชุดประจำชาติของเวียดนาม คือ อ่าวหญ่ายค่ะ  จะประกอบไปด้วยผ้าไหมสวบทับกางเกงขายาว ซึ่งมักจะใช้ในงานแต่งงาน และพิธีสำคัญๆ ของประเทศ อ่าวหญ่ายจะคล้ายๆ กับกี่เพ้าของจีนค่ะ ในปัจจุบัน ได้รับความนิยมจากผู้หญิงเวียดนาม ส่วนผู้ชาย จะนิยมใส่ชุดนี้ในงานแต่งงานหรืองานศพ

(http://vovworld.vn/th-TH/วฒนธรรม/ชดอาวหยายของสตรเมองเว/59231.vov)
อันนี้ เป็นตัวอย่างของชุดอ่าวหญ่ายค่ะ ประเทศเวียดนามค่ะ


การละเล่นในเวียดนาม  การละเล่นเวียดนามมีอยู่หลายชนิด  แต่ในที่นี้ขอยกตัวอย่าง  หุ่นกระบอกน้ำค่ะ เพราะว่าเป็นการละเล่นที่มีมาแต่โบราณ และเป็นที่รู้จักมากค่ะ
เป็นการละเล่นพื้นบ้านโบราณของชาวเวียดนาม มีถิ่นกำเนิดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ฉากเป็นซุ้มที่ตกแต่งเป็นสถาปัตยกรรมเวียดนาม ทำด้วยไม้ไผ่เป็นผืนมู่ลี่กางไว้เรี่ยผิวน้ำ มีหลีบหัวท้ายและกลางให้ตัวหุ่นลอดออกมาโลดแล่น การแสดงแบ่งเป็นชุดๆ เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิต การทำมาหากิน ศิลปะการละเล่นพื้นบ้านของชาวเวียดนาม
                            wp

อาหารของประเทศเวียดนาม ที่ขึ้นชื่อนะคะ ก็คือ ปอเปี๊ยะเวียดนามค่ะ
เป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเวียดนาม แผ่นเปาะเปี๊ยะทำจากแผ่นแป้งที่ทำจากข้าวเจ้า โดยไส้เปาะเปี๊ยะอาจเป็นไก่ หมู กุ้ง โดยนำมารวมกับผักสมุนไพรอีกหลายชนิด เช่น สะระแหน่ ผักกาดหอม และนำมารับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน โดยจะมีถั่วคั่ว แครอทซอย ไชเท้าซอย ให้เติมตามใจชอบ และบางครั้งอาจมีเครื่องเคียงอย่างอื่นเพิ่มด้วย นับเป็นอาหารยอดนิยมที่สามารถรับประทานได้ทั่วไปในเวียดนาม
                      
                       
                                



                           026_zps453ff6da

อาหารหวานประจำประเทศเวียดนามนะคะ คือ ขนมเบื้องญวoค่ะ  แค่ชื่อก็รู้ได้เลยว่าเป็นของเวียดนาม
บั๊ญแส่วหรือ ขนมเบื้องญวนนะคะ ลักษณะคล้ายแพนเค้กที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำ และผงขมิ้นหรือกะทิ ยัดไส้ด้วยมันหมู กุ้ง และถั่วงอกแล้วนำมาทอดในกระทะ ตามธรรมเนียม บั๊ญแส่วจะห่อด้วยใบมัสตาร์ด ใบผักกาด หอม และยัดด้วยใบสะระแหน่ ใบโหระพา หรือสมุนไพรอื่น ๆ แล้วจิ้มด้วยเนื้อกชั้ม (น้ำปลาฃที่มีส่วนผสมของน้ำ และมะนาว)


                             
                                 222_6_1.1.255_327X581
 
ที่อยู่อาศัยของชนพื้นเมืองในประเทศเวียดนาม

                            mai-chau-goi-he-6
   (http://vovworld.vn/)
 
 
อันนี้เป็นบ้านของชนเผ่าไท ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในประเทศเวียดนามค่ะ
แม้ว่าอาจจะไม่หรูหรา แต่ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว  ตัวบ้านทำจากไม้หลายชนิด เช่น ไม้ไผ่ หรือไม้อื่นที่คงทน  ส่วนหลังคาก็จะทำจากมุงจาก มีการยกพื้นบ้านให้สูง  บ้านของชนเผ่าไทจะเน้าในเรื่องความแข็งแรงค่ะ
สรุปนะคะ บล็อกนี้เขียนขึ้นมาเพื่อให้ทราบถึงวัฒนธรรมของประเทศเวียดนามค่ะ เวลาที่เราไปเที่ยวหรือไปในประเทศเวียดนาม เราจะได้มีความรู้ว่า เวลาทักทายต้องทำอย่างงี้  เป็นต้นค่ะ ดังนั้รเราจึงความศึกษาวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านไว้ค่ะ  ขอบคุณค่ะ


อ้างอิง
 

10สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนามที่พลาดไม่ได้

1. อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay)
 


อ่าวฮาลอง
          อ่าวฮาลอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ของพันธุ์สัตว์ เพราะมีความหลากหลายทางชีวภาพ จนยูเนสโกต้องยกย่องให้เป็นมรดกโลก อ่าวนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม และอยู่ไม่ห่างจากเขตแดนของประเทศจีนมากนัก จุดเด่นของอ่าวนี้ คือ มีเกาะหินปูนโผล่ขึ้นกระจายทั่วอ่าว ครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,500 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ ยังได้รับคำชื่นชมจากนักท่องเที่ยวว่ามีบรรยากาศที่สวยงามเกินจริง เสมือนฉากในตอนจบของภาพยนตร์ซึ่งมีแสง สี ที่ลงตัวสุด ๆ เลยทีเดียว

          ข้อมูลเพิ่มเติม : อ่าวฮาลองอยู่ห่างจากกรุงฮานอย 170 กิโลเมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงฮานอย โดยใช้บริการรถยนต์ รถมินิบัส รถประจำทาง หรือเฮลิคอปเตอร์

2. พระราชวังทังลอง (Imperial Citadel of Thang Long)
10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
          สถานที่แห่งนี้เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นด้วยหินทั้งหมด ซึ่งเป็นสมบัติของราชวงศ์ Ho และถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1379 แต่ยังคงหลงเหลือโครงสร้างให้เห็นในปัจจุบัน อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม เพราะเป็นราชวังหินแห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ยาวนาน จึงถูกยกย่องให้เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของสถาปัตยกรรมในสมัยนั้น ๆ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างโดยใช้เทคโนโลยีในแบบสมัยก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าพิศวงว่าคนสมัยนั้นสามารถสร้างพระราชวังที่งดงามอย่างนี้ได้อย่างไร

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 16 บาท (10,000 ด่งเวียดนาม) ค่าเข้าชมสำหรับเด็ก (อายุ 10-15 ปี) ราคา 8 บาท (5,000 ด่งเวียดนาม) สำหรับเวลาทำการนั้น เปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ในช่วงฤดูร้อนเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. ในฤดูหนาวเปิดตั้งแต่เวลา 07.30-17.30 น.

3. เมืองเก่าฮอยอัน (Hoi An Old Town)

 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ

          เมืองเก่าฮอยอันเป็นเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลจีนใต้ ชาวบ้านยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม อีกทั้งภายในเมืองยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า มีอาคารต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมทั้งตะวันตกและตะวันออก เช่น บ้าน โคมไฟโบราณแบบจีน สะพานข้ามคลองที่มีการดีไซน์แบบประเทศญี่ปุ่น

          ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมืองฮอยอันเก่าจะได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก นอกจากนี้ ยังสามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ส่วนการสัญจรไป-มาในเมืองนั้นก็สะดวก นักท่องเที่ยวสามารถเดิน ปั่นจักรยาน หรือขี่รถจักรยานยนต์ก็ได้ เพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ในยามค่ำคืนหลังสี่ทุ่มไปแล้วจะค่อนข้างเงียบ แต่ยังพอมีผับบาร์ ร้านขายเครื่องดื่มเปิดให้บริการอยู่บ้าง ที่สำคัญผู้คนในเมืองเป็นมิตร อัธยาศัยดี มีน้ำใจกับนักท่องเที่ยว

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองเก่าฮอยอันคนละ 181 บาท (120,000 ด่งเวียดนาม) นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เมืองเก่าต้องแต่งกายสุภาพ เช่น ผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ต ผู้หญิงห้ามสวมเสื้อไม่มีแขนและกระโปรงสั้นเหนือเข่า

4. สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh's Mausoleum)

10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ

          สุสานบรรจุศพแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองฮานอย ภายในอนุสาวรีย์มีโลงแก้วบรรจุร่างของ โฮจิมินห์ หรืออดีตนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม แต่คนเวียดนามมักเรียกกันว่า "ลุงโฮ" ส่วนรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นยึดโมเดลมาจากอนุสาวรีย์บรรจุศพของ วลาดีมีร์ เลนิน ในประเทศรัสเซีย เปิดให้สาธารณชนเข้าชมครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1975 และในทุก ๆ ปีร่างของลุงโฮจะถูกส่งไปตรวจสอบความสมบูรณ์ที่รัสเซีย

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิงห์ (Ba Dinh Square) เปิดทำการวันอังคาร-พฤหัสบดี และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-11.00 น. สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเยี่ยมชมต้องสวมเครื่องแต่งกายสุภาพ เรียบร้อย (ห้ามสวมเสื้อแขนกุด กระโปรงสั้นเหนือเข่า กางเกงขาสั้น)


5. อุโมงค์กู๋จี (Cu Chi Tunnels)
 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
          อุโมงค์แห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ใช้เป็นที่หลบภัยจากระเบิด ที่สำหรับประชุมของกองกำลังเวียดกงในสมัยที่รบกับสหรัฐอเมริกา อุโมงค์ถูกสร้างขึ้นให้มีหลายชั้นและแต่ละชั้นจะมีระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อความอยู่รอดของทหาร ภายในอุโมงค์ประกอบไปด้วยโรงพยาบาล ห้องประชุม และห้องพัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะได้รับชมหนังสั้นที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามเวียดนามก่อน เพื่อจะได้เข้าใจความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ได้ง่ายขึ้น นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม

         ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโฮจิมินห์ 70 กิโลเมตร และเปิดให้บริการตลอดทั้งปี

6. ปราสาทหมีเซิน (My Son Sanctuary)
 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
         ปราสาทหมีเซินเป็นสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือมาจากอาณาจักรจามปาหรือช่วงศตวรรษที่ 4-15 สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมของฮินดูที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในอินโดจีน ในอดีตปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบูชาพระศิวะ นอกจากตัวปราสาทแล้วยังมีรูปปั้น วัด และถูกห้อมล้อมไปด้วยป่าดงดิบ ในสมัยก่อนมีสิ่งก่อสร้างโบราณกว่า 70 หลัง แต่ในช่วงสงครามเวียดนามโบราณสถานฮินดูนี้ถูกระเบิดตกใส่ไปหลายแห่ง จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 22 หลังเท่านั้น และที่สำคัญได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย

         ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ในชุมชน  Duy Tan จังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) หรืออยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองดานัง 70 กิโลเมตร และห่างจากเมืองฮานอย 40 กิโลเมตร และเปิดทำการตลอดทั้งปี สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการมาเยี่ยมชม คือ ช่วงเช้า เพราะอากาศกำลังดี ไม่ร้อนจนเกินไป

7. พระราชวังเว้ (Complex of Hue Monuments)
 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
          เป็นพระราชวังของราชวงศ์เหงียน (Nguyen Dynasty) ซึ่งยังคงหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ภายในประกอบด้วย พระราชวัง สุสานของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ เจดีย์ วัดวาอาราม ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สร้างขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 19

          แต่สำหรับสิ่งก่อสร้างที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก คือ ประตูทางเข้าพระราชวัง (Ngo Mon Gate) ซึ่งเป็นทางเดินเข้าสำหรับกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ และสุสานพระเจ้ามิงห์หม่าง (The Tomb of Emperor Minh Mang) ซึ่งนอกจากจะเป็นพระราชวังที่ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ยังมีทิวทัศน์ที่งดงามไม่แพ้กัน จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเวียดนาม เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่นักท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยงการมาในช่วงฤดูฝนหรือช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม

8. พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum)
 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ 

          เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1975 โดยใช้ชื่อว่า Museum of American War Crimes เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเพื่อรำลึกถึงความเจ็บปวด ความเศร้าโศก เมื่อครั้งสงครามเวียดนาม ภายในมีการจัดแสดงเฮลิคอปเตอร์ ขีปนาวุธ รถถัง เครื่องบินจู่โจม ฯลฯ ซึ่งอาวุธเหล่านั้นเป็นอาวุธที่ทหารอเมริกันใช้โจมตีเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกกล่าวขานถึงมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์ คือ กรงเสือ ที่นำมาใช้เป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองถึง 14 คน รวมถึงเครื่องประหารชีวิตนักโทษการเมืองก็เป็นที่พูดถึงไม่แพ้กัน นับได้ว่าเป็นสถานที่ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดลึก ๆ ในหัวใจของชาวเวียดนามได้เป็นอย่างดี

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ เปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 07.30-12.00 น. และ 13.00-17.00 น. 

9. อุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke Bang

 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ

          อุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke Bang นั้นมีความโดดเด่นทางธรรมชาติและธรณีวิทยา เพราะมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยยุคน้ำแข็ง หรือประมาณ 464 ล้านปีที่แล้ว และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ปัจจุบันมีภูมิประเทศเป็นแบบหินปูนที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย ในอุทยานยังเป็นที่ตั้งของถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีถ้ำมากกว่า 300 ถ้ำ และปกคลุมไปด้วยป่าไม้เขตร้อน ที่เรียกได้ว่ามีความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศมากที่สุดในแถบอินโด-แปซิฟิกด้วย นอกจากนี้ ยังปรากฏลักษณะทางภูมิประเทศที่สำคัญซึ่งไม่ค่อยพบเห็นได้ที่อื่น เช่น ลำธารใต้ดิน ถ้ำที่มีหินย้อยลงมาจากเพดาน ฯลฯ อีกทั้งยังมีพันธุ์สัตว์ที่กำลังจะสาบสูญไปจากโลกนี้ เช่น หมีดำ เสือ และช้าง ส่วนกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวประกอบด้วย เดินชมความงามภายในถ้ำ ปืนเขา เดินป่า เป็นต้น

          ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงฮานอยลงไป 500 เมตร และเปิดให้บริการตลอดทั้งปี

10. ภูเขาทรายสองสีที่หมุยแหน (The Sand Dunes of Mui Ne)
 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ
  
          นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่แห่งนี้รับรองได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึง บรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทราย เพราะภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่หลายคนคุ้นเคยกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่และอยู่ติดกับชายทะเล จึงมีแดดและลมที่แรงมากทีเดียว ที่นี่มีเนินทรายอยู่ 2 แห่ง คือภูเขาทรายขาวและภูเขาทรายแดง ซึ่งภูเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang และมีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย

          สำหรับภูเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่เป็นที่นิยมมากกว่าในสายตาของช่างภาพ เนื่องจากสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิตคือการเล่นกระดานเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่าง ซึ่งอุปกรณ์สำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ภูเขาทราย

           ข้อมูลเพิ่มเติม :
เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยว คือ ช่วงเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็น เพราะตอนกลางวันถึงช่วงบ่ายนั้นอากาศและแดดแรงมาก


ซาปา





ขอขอบคุณข้อมูลจาก
visit-mekong.com, vietnamtourism.com, vietnamtourism.gov.vn และ wikitravel.org




ผู้จัดทำ
1.นางสาว เจนจิรา ฤดีเกษม 57103304101
2.นางสาว อรไพลิน บุพศิริ 57103304117
3.นางสาว สุจิตรา แก้วดวงดี 57103304121
4.นางสาว วีณาชา พุทธกัง 57103304147

คัดแยกหนังสือตามหมวดหมู ดิวอี้ 000-900 เพื่อที่จะนำไปออกค่าย ช่วยเหลือพัฒนาห้องสมุดที่ประภัยจากน้ำท่วมสกลนคร ยัมีหนังสืออีกจำนวนมาก ที่ได...